ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เหตุผลที่คนเราไม่ควรออกกำลังแบบเดิมๆ

เมื่อออกกำลังกายตามโปรแกรมที่วางไว้อย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายเราจะปรับตัวเพราะคุ้นเคยกับการใช้งานแบบนั้นแล้ว ดังนั้น พอร่างกายชินกับการเคลื่อนไหวลักษณะนี้จนกล้ามเนื้อจำว่าเป็นการทำงานตามอัตโนมัติ จะทำให้เกิดการเผาผลาญได้น้อยลง ทั้งๆ ที่ออกกำลังกายแบบเดิมในระยะเวลาเท่าเดิม หลายคนจึงรู้สึกได้ว่าน้ำหนักลดได้ยาก ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่ออกกำลังกาย




เพราะเหตุใดเราจึงควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกาย? 


1.เปลี่ยนใหม่เพื่อให้กล้ามเนื้อไม่คุ้นชิน

เมื่อออกกำลังด้วยกิจกรรมเดิมไปนานๆ จะทำให้เราใช้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กล้ามเนื้อเลยไม่ทำงานหนักเหมือนตอนที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ จึงไม่เผาผลาญพลังงานมากเหมือนก่อน ส่งผลให้น้ำหนักก็ไม่ลดลงไปด้วย ดังนั้นสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก จึงควรปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มการออกกำลังกายรูปแบบใหม่เข้าไป เพื่อท้าทายร่างกายให้ใช้งานแบบที่ไม่คุ้นชิน เมื่อร่างกายไม่ชินแล้วก็จะกลับมาทำงานหนักขึ้นและเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ถึงกระนั้นก็ต้องไม่ลืมดูแลเรื่องอาหารควบคู่กันไปเพื่อให้การลดน้ำหนักได้ผล


2.ฟื้นฟูกล้ามเนื้อช่วยลดอาการบาดเจ็บ

ป้องกันการบาดเจ็บกล้ามเนื้อส่วนเดิม คนที่ออกกำลังกายรูปแบบเดิมเป็นประจำย่อมใช้กล้ามเนื้อชุดใดชุดหนึ่งเคลื่อนไหวในรูปแบบซ้ำๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเอ็นเฉพาะส่วนได้ การปรับโปรแกรมหรือเข้าคลาสใหม่ๆ จะเปิดโอกาสให้เคลื่อนไหวในรูปแบบอื่น และใช้กล้ามเนื้อที่หลากหลายขึ้น จึงถือเป็นการพักกล้ามเนื้อส่วนที่ใช้งานเป็นประจำ ให้ฟื้นฟูกลับมาพร้อมสำหรับการออกกำลังกายแบบที่ชอบอีกครั้ง


3.เพื่อความเสมอภาคของทุกสัดส่วน

เมื่อเราสร้างกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งให้แข็งแรงขึ้น เวลาที่ถนัดหรือชอบการออกกำลังกายแบบหนึ่ง ร่างกายก็จะพัฒนากล้ามเนื้อและความสามารถในการใช้สำหรับการเคลื่อนไหวแบบนั้น แต่อาจจะทำให้ละเลยกล้ามเนื้อส่วนอื่นได้เหมือนกัน ซึ่งการทำกิจกรรมใหม่ๆ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนที่อ่อนแอให้แข็งแรง และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมรูปแบบที่หลากหลายและให้ผลดีต่อสุขภาพโดยรวม


4.กระตุ้นการทำงานของสมอง

นอกจากการออกกำลังจะพัฒนาร่างกายแล้ว การฝึกซ้อมเพื่อให้เคลื่อนไหวและใช้งานร่างกายได้ตามต้องการนั้น ต้องผ่านการกระตุ้นเซลล์ประสาทจากสมอง แต่เมื่อเริ่มชำนาญหรือเคยชินแล้วร่างกายก็จะสามารถทำไปตามอัตโนมัติ การออกกำลังแบบอื่นหรือการเข้าคลาสใหม่ๆ จึงเป็นการท้าทายและจุดประกายสมองให้ทำงานเพิ่มขึ้นไปด้วย


5.กลับมาตื่นเต้นกับการออกกำลังกายอีกครั้ง

การวิ่งในเส้นทางเดิมๆ เล่นเครื่องมือชนิดเดิมๆ เข้าคลาสเดิมกับการทำท่าเดิมๆ อาจทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายจำเจ และทำให้เรารู้สึกว่ามันกลายเป็นหน้าที่เพื่อดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วย แค่ทำให้ครบเซตหรือนับเวลาถอยหลังรอให้ครบเวลาก็พอ จะได้รีบกลับบ้านเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายที่ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งได้พบเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เราเกิดความสนุกและตื่นเต้นกับการออกกำลังกายอีกครั้ง  การออกกำลังกายที่หลากหลาย นอกจากจะส่งผลดีต่อร่างกายและสมองแล้ว ยังส่งผลดีต่อจิตใจของเราอย่างมากอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วรีบลุกขึ้นมาออกกำลังกายกันเถอะ



ขอบคุณที่มา : https://www.posttoday.com/life/healthy/591969

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อยากหัดเต้นเอง ต้องเริ่มยังไง?

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่เคยดูคลิปเต้นในยูทูป แล้วอยากเต้นได้แบบนั้นบ้าง.. ครั้นจะออกไปเรียนเต้นตามสตูดิโอสอนหรือสถาบันต่างๆ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหน อยู่ไกลบ้าง ทุนไม่พอบ้าง รู้สึกเขินอาย กลัวเต้นไม่ทันเพื่อนในคลาส และอีกสารพัดเหตุผล ไม่ต้องท้อไปนะคะ นักเต้นเก่งๆส่วนใหญ่ล้วนเริ่มฝึกด้วยตัวเองทั้งนั้น ลองลุกขึ้นเดิน ก้าวแรกดู แล้วจะรู้ว่าก้าวต่อๆไปนั้นไม่ยากเลย และวันนี้เรามี 5 เทคนิควิธีการเดินก้าวแรก มาแนะนำค่ะ 1. จริงจังแค่ไหน ถามใจดู อันดับแรก "ใจ" ต้องมาก่อน ตัวคุณเองจะรู้ดีว่า คุณจริงจังกับการเต้นแค่ไหน เป้าหมายคืออะไร  เช่น อยากเต้นให้ได้แบบศิลปินคนโปรด อยากเก่งเหมือนคนนั้น อยากหัดไว้เป็นสกิลติดตัว หรือเพื่อไปโชว์/แข่ง ในงานต่างๆ เต้นเพื่อออกกำลังกาย ลดหุ่น บางคนอยากเต้นเพราะท่านี้เพลงนี้กำลังฮิต หรือแค่อยากเต้นสนุกๆ ฯลฯ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การมีแรงผลักดันจากข้างในคือสิ่งสำคัญในการพัฒนาตัวเองต่อไปได้ แน่นอนว่าหากคุณรักที่จะเต้นจริงๆ คุณย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เต้น และเต้นได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย พูดง่ายๆคือ มีใจรักนั่นแหละ 2. ปรับทัศนคติ อันนี้ไม่ต้อง

เทคนิคเต้น Cover Dance ให้เป๊ะปังอลังเวอร์

ในวินาทีนี้หากพูดถึง Cover Dance น้อยคนมากที่จะไม่รู้จัก  เหตุผลที่ทำให้ Cover Dance เป็นที่นิยมโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น อาจเป็นเพราะความนิยมชมชอบในตัวศิลปิน เพลง และท่าเต้นนั่นเอง Cover Dance คือการเต้นตามต้นฉบับ ที่คนไม่มีพื้นฐานก็สามารถเต้นตามได้ แต่จะเต้นยังไงให้เป๊ะ เข้าถึงอารมณ์ได้เหมือนศิลปินนั้นต้องอาศัยทักษะและการฝึกฝนพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งก็คงไม่ยากจนเกินไปหากทำตามเทคนิคดังต่อไปนี้ ส่วนใหญ่แล้วการ Cover Dance เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าเราจะเต้นแบบใครหรือแดนเซอร์คนใด เพราะจะส่งผลต่อ Blocking(ระยะห่างของตำแหน่งการยืน)  แต่ถ้าฝึกเต้นคนเดียวก็สามารถทำได้เช่นกัน สิ่งที่จะต้องทำเมื่ออยากฝึกเต้น Cover คือ 1. ฟังเพลง :    เลือกเพลงที่อยากจะเต้นหรือเพลงที่ชอบ แล้วฟังให้เข้าหู แบบที่สามารถจำแต่ละท่อนได้ ซึมซับและทำความเข้าใจกับเพลงว่าเพลงสื่ออะไร เพื่อให้เราสามารถสื่ออารมณ์ผ่านการเต้นได้ อันที่จริงถ้าพูดถึงการเต้น Cover เราสามารถเต้นตามศิลปินได้ทุกชาติทุกภาษา แต่คนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงเพลง K-Pop ด้วยกระแสเกาหลีที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมานานนั่นเอง 2. จับจังหวะ :  เมื่อเราท

การยืดกล้ามเนื้อ(Stretching) ก่อนเต้น/ออกกำลังกาย

ทำไมต้องยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย? การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายในส่วนของข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อ ให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย โดยเฉพาะข้อต่อและเอ็นที่มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยให้การเคลื่อนไหวในมุมต่างๆเป็นไปได้อย่างราบรื่นและลดโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬาได้ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อจะช่วยเพิ่มมุมของการเคลื่อนไหว ให้สามารถเคลื่อนไหวได้ในวงกว้างมากขึ้น (Range of Motion) เมื่อการเคลื่อนไหวสามารถทำได้ในมุมกว้างมากขึ้น การเคลื่อนไหวก็มีประสิทธิภาพและโอกาสบาดเจ็บก็จะลดลง ควรอบอุ่นร่างกาย หรือ ยืดกล้ามเนื้อก่อน? หลายคนมักเกิดการสับสนว่าควรจะเริ่มต้นด้วยสิ่งใดก่อน เพราะสองสิ่งนี้มักจะมาควบคู่กับอยู่เสมอๆ โดยทั่วไปแล้วจะใช้การอบอุ่นร่างกายก่อนการยืดกล้ามเนื้อ การอบอุ่นร่างกายควรเริ่มต้นด้วยการวิ่งเหยาะๆ หรือเคลื่อนไหวคล้ายกิจกรรมที่จะทำการออกกำลังกาย เพื่อค่อยๆ ให้หัวใจปรับอัตราการเต้นให้สูงขึ้นทีละนิด มีเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อมากขึ้น หลังจากนั้นจึงเริ่มเพิ่มแรงในการเคลื่อนไหวท่าที่จะออกกำลังกาย ประมาณ 5-10 นาที เช่น จะออกกำลังก