ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ไขข้อสงสัย Hip Hop กับ Rap ต่างกันยังไง??


ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Hip Hop กันก่อน

แนวเพลง Hip Hop ถือกำเนิดในปี ค.ศ.1973 โดย DJ คนหนึ่งชื่อว่า Kool Herc เขาได้จัดงานปาร์ตี้ ‘Back-to-School’ ขึ้นที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Bronx แห่งมหานคร New York และจากจุดนี้นี่เอง จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้น อันทำให้เกิดการปฏิวัติของเส้นทางดนตรีแนวใหม่ ในช่วงระหว่างการจัดงาน เขาได้สร้างสิ่งที่แปลกแตกต่างไปจากเดิม นั่นก็คือ การนำเครื่องเล่นแผ่นเสียง 2 เครื่อง มาเปิดเพลงสลับกันไปมา จนเกิดการ Mixing  อีกทั้งยังได้ช่วง breaks ที่มีแต่เสียงดนตรียาวขึ้น ทำให้นักเต้นเท้าไฟทั้งหลายได้เต้นนานขึ้นอีกด้วย
โดยในช่วงที่ Kool Herc กำลังเปิดเพลง เพื่อนของเขา Coke La Rock ก็ได้ร้องเพลงสดผ่านไมโครโฟน ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังสนุกสนาน ด้วยเหตุนี้ Hip Hop ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ต่อมาเพลงสไตล์นี้ถูกเรียกว่า ‘Break dance’ พิธีกรก็จะเพิ่มเนื้อร้องเพื่อประกอบจังหวะเข้าไปด้วย มีการเต้นที่เรียกว่า B-boy B-girl หรือ Break dance นั่นเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมาแนวดนตรี Hip Hop จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และกลายมาเป็นวัฒนธรรม Hip Hop โดยในวัฒนธรรม Hip Hop จะรวมเอาปัจจัยต่างๆเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน
  • DJ เปิดแผ่น
  • มี MC เป็น Rapper คอยดำเนินงานปาร์ตี้ให้เป็นไปด้วยความสนุกสนาน
  • ดนตรีเน้นจังหวะอันหนักแน่น
  • การเต้น B-Boy
  • แฟชั่น
  • ศิลปะ เช่น การเพ้นท์กำแพง หรือ พ่นสีกำแพง เป็นต้น


ความแตกต่างระหว่าง Hip-Hop กับ Rap ต่างกันอย่างไร?
Hip-Hop คือ แนวดนตรีชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง จนถึงขนาดสร้างอิทธิพลต่อชีวิตของผู้คนที่ชอบแนวดนตรีนี้ จนถึงขนาดได้รับการยกย่องให้เป็นวัฒนธรรม Hip-Hop ส่วนการ Rap ก็เปรียบได้ดั่ง ‘กลอน’ ที่มีสัมผัสของคำ พูดอย่างรวดเร็ว พร้อมใส่จังหวะดนตรีเข้าไปเพื่อความสนุกสนาน Rap จัดเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Hip-Hop
Hip-hop ในยุคเริ่มแรกใช้กล่าวถึงดนตรีของคนผิวดำ ซึ่งมีการผสมผสานของดนตรีในรูปแบบ Jamaica, R&B, Funk, Soul เน้นเรื่อง Percussion รวมทั้ง Beat หยุด ส่วนอีกความหมายหนึ่ง Hip-hop คือ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมอันเกิดขึ้นพร้อมกับดนตรี ไม่ว่าจะเป็น DJ , การเต้น Break dance การแต่งกาย รวมทั้งศิลปะแบบ Graffiti เป็นต้น ความนิยมของ Hip-hop มีการขยายไปยังทวีปอื่น ๆ ไม่ว่าจะทั้ง ยุโรป , เอเชีย , แอฟริกา ตลอดจนทวีปอื่นๆ
Rap คือ ดนตรีแบบ Rhythm and Blues ประเภทหนึ่ง ด้วยการนำบทกวีอันมีเนื้อหาจากชีวิตจริงมาใส่ดนตรี โดยพัฒนามาจากเพลง Disco หากแต่มีจังหวะหนักแน่นกว่า เนื้อหาของเพลงต้องมีความหมายรวมทั้งมีความคล้องจองกัน เน้นการกำกับจังหวะ ด้วยการใช้จังหวะกลอง ตลอดจนเทคนิคการ Sampling
สรุปคือ Hip Hop คือวัฒนธรรม ซึ่งมี Rap เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมนั้นนั่นเอง 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.projecthiphop.org

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เทคนิคเต้น Cover Dance ให้เป๊ะปังอลังเวอร์

ในวินาทีนี้หากพูดถึง Cover Dance น้อยคนมากที่จะไม่รู้จัก  เหตุผลที่ทำให้ Cover Dance เป็นที่นิยมโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น อาจเป็นเพราะความนิยมชมชอบในตัวศิลปิน เพลง และท่าเต้นนั่นเอง Cover Dance คือการเต้นตามต้นฉบับ ที่คนไม่มีพื้นฐานก็สามารถเต้นตามได้ แต่จะเต้นยังไงให้เป๊ะ เข้าถึงอารมณ์ได้เหมือนศิลปินนั้นต้องอาศัยทักษะและการฝึกฝนพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งก็คงไม่ยากจนเกินไปหากทำตามเทคนิคดังต่อไปนี้ ส่วนใหญ่แล้วการ Cover Dance เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าเราจะเต้นแบบใครหรือแดนเซอร์คนใด เพราะจะส่งผลต่อ Blocking(ระยะห่างของตำแหน่งการยืน)  แต่ถ้าฝึกเต้นคนเดียวก็สามารถทำได้เช่นกัน สิ่งที่จะต้องทำเมื่ออยากฝึกเต้น Cover คือ 1. ฟังเพลง :    เลือกเพลงที่อยากจะเต้นหรือเพลงที่ชอบ แล้วฟังให้เข้าหู แบบที่สามารถจำแต่ละท่อนได้ ซึมซับและทำความเข้าใจกับเพลงว่าเพลงสื่ออะไร เพื่อให้เราสามารถสื่ออารมณ์ผ่านการเต้นได้ อันที่จริงถ้าพูดถึงการเต้น Cover เราสามารถเต้นตามศิลปินได้ทุกชาติทุกภาษา แต่คนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงเพลง K-Pop ด้วยกระแสเกาหลีที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมานานนั่นเอง 2...

อยากหัดเต้นเอง ต้องเริ่มยังไง?

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่เคยดูคลิปเต้นในยูทูป แล้วอยากเต้นได้แบบนั้นบ้าง.. ครั้นจะออกไปเรียนเต้นตามสตูดิโอสอนหรือสถาบันต่างๆ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหน อยู่ไกลบ้าง ทุนไม่พอบ้าง รู้สึกเขินอาย กลัวเต้นไม่ทันเพื่อนในคลาส และอีกสารพัดเหตุผล ไม่ต้องท้อไปนะคะ นักเต้นเก่งๆส่วนใหญ่ล้วนเริ่มฝึกด้วยตัวเองทั้งนั้น ลองลุกขึ้นเดิน ก้าวแรกดู แล้วจะรู้ว่าก้าวต่อๆไปนั้นไม่ยากเลย และวันนี้เรามี 5 เทคนิควิธีการเดินก้าวแรก มาแนะนำค่ะ 1. จริงจังแค่ไหน ถามใจดู อันดับแรก "ใจ" ต้องมาก่อน ตัวคุณเองจะรู้ดีว่า คุณจริงจังกับการเต้นแค่ไหน เป้าหมายคืออะไร  เช่น อยากเต้นให้ได้แบบศิลปินคนโปรด อยากเก่งเหมือนคนนั้น อยากหัดไว้เป็นสกิลติดตัว หรือเพื่อไปโชว์/แข่ง ในงานต่างๆ เต้นเพื่อออกกำลังกาย ลดหุ่น บางคนอยากเต้นเพราะท่านี้เพลงนี้กำลังฮิต หรือแค่อยากเต้นสนุกๆ ฯลฯ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การมีแรงผลักดันจากข้างในคือสิ่งสำคัญในการพัฒนาตัวเองต่อไปได้ แน่นอนว่าหากคุณรักที่จะเต้นจริงๆ คุณย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เต้น และเต้นได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย พูดง่ายๆคือ มีใจรักนั่นแหละ 2. ปรับทัศนคติ อันนี้ไม่ต้อง...

การวอร์มอัพก่อนเต้น/ออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย ควรอบอุ่นร่างกาย (Warm Up) และยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ก่อนทุกครั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างกายก่อนที่จะออกแรงเต็มที่ พร้อมทั้งการคูลดาวน์ (Cool Down) หลังการออกกำลังกาย แต่หลายคนมักละเลยและไม่ให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้เท่าใดนัก แต่จะให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเสียมากกว่า นั่นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะการอบอุ่นร่างกาย การยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย และการคูลดาวน์ หลังการออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บได้ ทำไมต้องอบอุ่นร่างกาย? การอบอุ่นร่างกาย หรือ วอร์มอัพ (Warm Up) มีความหมายตรงตัวคือการทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น การเคลื่อนไหวเบาๆ ก่อนการออกกำลังกาย จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการกระตุ้น มีการเคลื่อนไหวและเกิดความร้อนในกล้ามเนื้อ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว เตรียมพร้อมที่จะลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย และที่สำคัญที่สุดคือเป็นการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในสภาวะพร้อมที่จะออกกำลังกาย เปรียบเสมือนกับเครื่องยนต์รถ หากจอดรถไว้เฉยๆ สตาร์ทและเร่งเข้าสู่ความเร็วสูงสุดเลยทันที ก็จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี แต่ถ้าห...