ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หน้าเด็กง่ายๆด้วยวิธีธรรมชาติ

โกงอายุ! หน้าเด็กง่ายๆด้วยวิธีธรรมชาติ

เวลาผ่านไปเร็วมาก เคยสงสัยมั้ยคะว่าทำไมเพื่อนบางคนยังหน้าดูเด็ก เดินด้วยกันเหมือนรุ่นน้อง ส่วนบางคนก็ไปไกลกว่า นึกว่าเชิญคุณลุงและป้ามาด้วย ของแบบนี้นอกจากพันธุกรรมแล้ว สิ่งสำคัญก็คือการดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว แต่น้อยคนที่จะจริงจังกับมัน มาย้ำตัวเองให้เริ่มทำสิ่งดีๆเพื่อตัวเราเองกันเถอะ

1. เลือกกิน 
เมื่อเรากินอะไรเข้าไปแล้วร่างกายสดชื่น ท้องไม่อืด ลมในท้องน้อยการขับถ่ายปกติ อันนั้นคือ กินแล้วเหมาะกับเรา ไม่ใช่ว่ากินผักแล้วชีวิตจะดีตลอด บางคนกินผักมากเกินไปกลับทำให้ท้องอืดและลมในท้องเยอะ เพราะเอนไซม์ที่มีอยู่ไม่สามารถย่อยได้ก็มี
ร่างกายคนเรานอกจากกรรมพันธุ์ไม่เหมือนกันแล้วสิ่งแวดล้อมก็ยังไม่เหมือนกันด้วยใช่ว่าทุกคนกินสิ่งเดียวกันแล้วสุขภาพจะดีเหมือนกัน ต้องสังเกตตัวเองว่ารับประทานอะไรเข้าไปแล้วมันดีต่อร่างกายและจิตใจ ถ้ากินหวานแล้วมีความสุขก็กินบ้าง แต่อย่ามากเกินไป

2. ดื่มน้ำ
การดื่มน้ำจำเป็นมากที่จะทำให้ผิวเด็ก เหี่ยวช้า ควรจะดื่มน้ำอย่างน้อยวันละแปดแก้วหรือประมาณ 2 ลิตรจะดื่มมากกว่านี้ก็ได้เพราะการขับน้ำออก ไตไม่ได้ทำงานหนักมาก แต่การกินเกลือหรือเครื่องปรุงรส อันนี้ทำให้ไตเราทำงานหนักเพราะต้องขับเกลือแร่ออกไป น้ำจะช่วยให้เราขับของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น และทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลมากขึ้น ผิวหนังที่อิ่มน้ำก็จะเป็นผิวหนังที่สดใสดูเด็ก

3. อย่าอดนอน 

การที่เรานอนหลับพักผ่อนเพียงพอและนอนหลับได้อย่างสนิทจะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะทำงานได้ดีเมื่อนอนหลับสนิทและอยู่ในภาวะที่มืดสนิทโกรทฮอร์โมน จะหลั่งตามหลังฮอร์โมนที่ชื่อว่า เมลาโทนิน ที่มันจะหลังได้ดีเมื่อบรรยากาศรอบตัวของการนอนมืดสนิท ควรปิดไฟนอนและนอนในที่สงบเงียบไม่มีเสียงรบกวนเพื่อให้หลับลึก และเข้าสู่การนอนหลับที่ดี
ควรนอนประมาณสี่ทุ่ม เพื่อให้นาฬิกาชีวิตได้ทำงานอย่างสมดุล ฝึกให้อารมณ์ดี ไม่เครียดไม่คิดลบ จะทำให้ฮอร์โมนของความเครียดหลั่งออกมาเยอะทำให้หน้าแก่ ดูไม่มีความสุขแถมยังทำให้ร่างกายเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ สุขภาพกายก็ไม่ดี สุขภาพจิตก็ไม่ดี แก่ง่ายแล้วจะตายเร็ว ขอเลือกเป็นคนโลกสวยดีกว่าเป็นคนโลกเสื่อม เพราะคิดยังไงก็ได้อยู่ในโลกแบบนั้น มองโลกในแง่ดีแบ่งปันความสุขให้คนอื่นดีกว่าแบ่งปันเรื่องลบ ถ้าโกรธจะหน้าแก่นี่เป็นเรื่องจริง

4. ออกกำลังกายให้เหมาะสม 

ไม่ได้แปลว่าให้ออกกำลังกายหนัก ๆ การออกกำลังกายเยอะเกินไปทำให้ร่างกายรับความตึงเครียดมากเกินไป ต้องดูสภาพร่างกายตนเองด้วย การออกกำลังมีหลายรูปแบบ เลือกที่เหมาะกับตัวเราและเราทำได้อย่างมีความสุข ไม่รู้สึกฝืนหรือบังคับ เช่นบางคนชอบวิ่ง ชอบเล่นกีฬา เล่นโยคะ หรือบางคนสนุกกับการที่ได้เต้น เวลาคนเราได้ทำสิ่งที่ชอบร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมา ส่งผลให้สุภาพจิตดี สุขภาพกายก็ดีตามไปด้วย

มีหลากหลายวิธีที่ทำให้แข็งแรงและหน้าเด็ก เพียงแต่ต้องมีความตั้งใจสม่ำเสมอแล้วก็มีความใส่ใจ เริ่มจาก กินอาหารที่มีประโยชน์อย่างที่เรารู้กันอยู่ กินผัก ผลไม้ อาหารที่ไม่แปรรูป อาหารที่ปราศจากสารเคมีตกค้าง และลดอาหารหวานเพื่อลดภาวะอักเสบในร่างกาย

นอกจากนี้ ต้องไม่กินเยอะเกินไปหรือน้อยเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายไม่อยู่ในภาวะสมดุล การกินเยอะเกินไป ทำให้เกิดการเผาผลาญมากขึ้น เกิดของเสียและเกิดไขมันสะสม ทำให้แก่เร็ว การกินน้อยเกินไป ก็ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงในการออกกำลังกาย ดังนั้นการดูแลสุขภาพและใช้ชีวิตอย่างสมดุลคือกุญแจสำคัญของการดูอ่อนเยาว์ค่ะ



ขอบคุณข้อมูลจาก https://40plus.posttoday.com/health/30616/



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อยากหัดเต้นเอง ต้องเริ่มยังไง?

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่เคยดูคลิปเต้นในยูทูป แล้วอยากเต้นได้แบบนั้นบ้าง.. ครั้นจะออกไปเรียนเต้นตามสตูดิโอสอนหรือสถาบันต่างๆ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหน อยู่ไกลบ้าง ทุนไม่พอบ้าง รู้สึกเขินอาย กลัวเต้นไม่ทันเพื่อนในคลาส และอีกสารพัดเหตุผล ไม่ต้องท้อไปนะคะ นักเต้นเก่งๆส่วนใหญ่ล้วนเริ่มฝึกด้วยตัวเองทั้งนั้น ลองลุกขึ้นเดิน ก้าวแรกดู แล้วจะรู้ว่าก้าวต่อๆไปนั้นไม่ยากเลย และวันนี้เรามี 5 เทคนิควิธีการเดินก้าวแรก มาแนะนำค่ะ 1. จริงจังแค่ไหน ถามใจดู อันดับแรก "ใจ" ต้องมาก่อน ตัวคุณเองจะรู้ดีว่า คุณจริงจังกับการเต้นแค่ไหน เป้าหมายคืออะไร  เช่น อยากเต้นให้ได้แบบศิลปินคนโปรด อยากเก่งเหมือนคนนั้น อยากหัดไว้เป็นสกิลติดตัว หรือเพื่อไปโชว์/แข่ง ในงานต่างๆ เต้นเพื่อออกกำลังกาย ลดหุ่น บางคนอยากเต้นเพราะท่านี้เพลงนี้กำลังฮิต หรือแค่อยากเต้นสนุกๆ ฯลฯ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การมีแรงผลักดันจากข้างในคือสิ่งสำคัญในการพัฒนาตัวเองต่อไปได้ แน่นอนว่าหากคุณรักที่จะเต้นจริงๆ คุณย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เต้น และเต้นได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย พูดง่ายๆคือ มีใจรักนั่นแหละ 2. ปรับทัศนคติ อันนี้ไม่ต้อง

เทคนิคเต้น Cover Dance ให้เป๊ะปังอลังเวอร์

ในวินาทีนี้หากพูดถึง Cover Dance น้อยคนมากที่จะไม่รู้จัก  เหตุผลที่ทำให้ Cover Dance เป็นที่นิยมโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น อาจเป็นเพราะความนิยมชมชอบในตัวศิลปิน เพลง และท่าเต้นนั่นเอง Cover Dance คือการเต้นตามต้นฉบับ ที่คนไม่มีพื้นฐานก็สามารถเต้นตามได้ แต่จะเต้นยังไงให้เป๊ะ เข้าถึงอารมณ์ได้เหมือนศิลปินนั้นต้องอาศัยทักษะและการฝึกฝนพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งก็คงไม่ยากจนเกินไปหากทำตามเทคนิคดังต่อไปนี้ ส่วนใหญ่แล้วการ Cover Dance เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าเราจะเต้นแบบใครหรือแดนเซอร์คนใด เพราะจะส่งผลต่อ Blocking(ระยะห่างของตำแหน่งการยืน)  แต่ถ้าฝึกเต้นคนเดียวก็สามารถทำได้เช่นกัน สิ่งที่จะต้องทำเมื่ออยากฝึกเต้น Cover คือ 1. ฟังเพลง :    เลือกเพลงที่อยากจะเต้นหรือเพลงที่ชอบ แล้วฟังให้เข้าหู แบบที่สามารถจำแต่ละท่อนได้ ซึมซับและทำความเข้าใจกับเพลงว่าเพลงสื่ออะไร เพื่อให้เราสามารถสื่ออารมณ์ผ่านการเต้นได้ อันที่จริงถ้าพูดถึงการเต้น Cover เราสามารถเต้นตามศิลปินได้ทุกชาติทุกภาษา แต่คนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงเพลง K-Pop ด้วยกระแสเกาหลีที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมานานนั่นเอง 2. จับจังหวะ :  เมื่อเราท

การยืดกล้ามเนื้อ(Stretching) ก่อนเต้น/ออกกำลังกาย

ทำไมต้องยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย? การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายในส่วนของข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อ ให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย โดยเฉพาะข้อต่อและเอ็นที่มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยให้การเคลื่อนไหวในมุมต่างๆเป็นไปได้อย่างราบรื่นและลดโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬาได้ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อจะช่วยเพิ่มมุมของการเคลื่อนไหว ให้สามารถเคลื่อนไหวได้ในวงกว้างมากขึ้น (Range of Motion) เมื่อการเคลื่อนไหวสามารถทำได้ในมุมกว้างมากขึ้น การเคลื่อนไหวก็มีประสิทธิภาพและโอกาสบาดเจ็บก็จะลดลง ควรอบอุ่นร่างกาย หรือ ยืดกล้ามเนื้อก่อน? หลายคนมักเกิดการสับสนว่าควรจะเริ่มต้นด้วยสิ่งใดก่อน เพราะสองสิ่งนี้มักจะมาควบคู่กับอยู่เสมอๆ โดยทั่วไปแล้วจะใช้การอบอุ่นร่างกายก่อนการยืดกล้ามเนื้อ การอบอุ่นร่างกายควรเริ่มต้นด้วยการวิ่งเหยาะๆ หรือเคลื่อนไหวคล้ายกิจกรรมที่จะทำการออกกำลังกาย เพื่อค่อยๆ ให้หัวใจปรับอัตราการเต้นให้สูงขึ้นทีละนิด มีเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อมากขึ้น หลังจากนั้นจึงเริ่มเพิ่มแรงในการเคลื่อนไหวท่าที่จะออกกำลังกาย ประมาณ 5-10 นาที เช่น จะออกกำลังก